สมุนไพรที่ช่วยโรค เก๊าท์ และ ไขข้อรูมาตอยด์
โรครูมาตอยด์มีสมุนไพรบางชนิดที่ช่วยยับยั้งไม่ให้อาการกำเริบได้คือ
ขิง และขมิ้นชัน แต่ ต้องทานในประมาณที่สูงมาก
1.ขิง และขมิ้นชัน แค็ปซูล ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไป เพื่อได้รับสารต้านการอักเสบ แม้ในปริมาณน้อยนิด แต่สมุนไพร 2ชนิดที่กล่าวมา เป็นอาหารของไทยมานาน ไม่มีพิษ และอาการข้างเคียงครับ ขนาดที่รับประทาน ก็ 500มก.
วันละ3-4ครั้ง หลังอาหาร
2.GLUCOSAMINE SULFATE วัตถุประสงเพื่อรักษาอาการข้อเสื่อม ซึ่งส่วนมากเป็นสาเหตุร่วมกับการเป็นโรครูมาตอยด์ เนื่องจากข้อเสื่อม ไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดี ทำให้การส่งสัญญาณของร่างกาย เกิดโรคภูมิต้านทานตนเอง เกิดการหนาขึ้นของเซลล์ กล้ามเนื้อรอบข้อ ไม้ให้ถูกใช้งาน
ขนาดรับประทาน 1500มก.ต่อวัน ติดต่อกันนาน 4-6 เดือนค่ะ
3.สมุนไพรต้านอนุมูลอิสระ เพื่อลดสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด
รูมาตอยด์ ซึ่ังอาจเป็น หญ้าปักกิ่ง ขมิ้นชัน มะขามป้อม etc
4.ยา แผนปัจจุบันที่ลดอาการปวดของโรครูมาตอยด์ เลือกชนิดที่ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหารก็ได้ค่ะ เช่น nimisulide,meloxicam,cerecoxib ยากลุ่มนี้ให้ทานเฉพาะเวลาที่มีอาการปวดขึ้นมาเท่านั้นค่ะ
5.ยาสตรี แผนโบราณ อาจเลือกที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด เพื่อปรับสมดุลทางธรรมชาติ เกี่ยวกับฮอร์โมนของผู้หญิงให้กลับมาดีเหมือนเดิม เพราะปัญหาส่วนหนึ่งมาจากเรื่องฮอร์โมน เพราะโรคนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายมาก
ในการเลือกรับประทานสมุนไพรควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวและเภสัชกรที่เชี่ยวชาญนะคะเพราะจะเป็นผลดีต่อโรคและตัวผู้ป่วยเองค่ะ
เจาะลึกเรื่องขิงๆ
สรรพคุณ ช่วยดับกลิ่นคาวในอาหาร ใช้ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน เพราะในเหง้าขิงแก่ มีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งประกอบด้วย GINGEROL และ SHOGAOL แก้อาการท้องอืดเฟ้อ ขับลม ลดอาการไอ และระคายคอ จากการมีเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับเหงื่อ ขับน้ำนม แก้อาการเมารถเมาเรือ แก้บิด บำรุงธาตุ ช่วยในด้านการไหลเวียนของโลหิต ช่วยลดความดัน ช่วยลดคลอเลสเตอ รอล ช่วยลดการอักเสบ ช่วยแก้ปวด ผู้ป่วยหลังผ่าตัดที่มักมีอาการเมายาสลบให้จิบน้ำขิงเข้มข้นสักครึ่งช้อนชา จะช่วยแก้อาการเมายาได้:
แพทย์จีนโบราณจะใช้ประโยชน์จากขิงสดและขิงแห้ง ในแง่มุมที่ต่างกัน
ขิงแห้ง ในภาวะที่ขาดหยาง ภาวะขาดหยาง คือ ภาวะที่ร่างกายอาการเย็น หนาวง่ายทนต่อความเย็นได้น้อย การย่อยอาหารไม่ดี เป็นต้น ทั้งยังมีการใช้ขิงแก่ ในคนไข้ปวดข้อรูมาติกส์ม
ขิงสด จะใช้กำจัดพิษที่เกิดจากการติดเชื้อภายในร่างกาย โดยการขับพิษออกมาทางเหงื่อ ขิงสดช่วยทำให้ร่างกาย ปรับสภาพในภาวะที่ร่างกาย มีอาการเย็นได้เช่นเดียวกับขิงแห้ง
ลดการคลื่นไส้อาเจียน โดยใช้ขิงสด 30 กรัม ( 3 ขีด) สับให้ระเอียดต้มทานน้ำในขณะท้องว่าง
ช่วยขับเสมหะ โดยใช้ขิงสดคั้นเอาแต่น้ำ ประมาณครึ่งถ้วยผสมน้ำผึ้ง 30 กรัม ( 6 ช้อน) อุ่นให้ร้อนก่อนรับประทาน
แก้หวัดหน้าหนาว โดยการใช้ขิงสดทุบหรือขูดให้เป็นฝอย หรือขิงแห้งก็ได้ ใส่ในกะละมังน้ำอุ่น เติมน้ำผึ้งลงไปด้วยเล็กน้อย แช่เท้า กลิ่นของขิงที่หอมกลุ่นจะกระตุ้นให้จมูกโล่ง ศรีษะโล่ง ร่างกายสามารถต่อสู้กับหวัดได้ และผิวหนังที่แช่เท้าอยู่ก็จะรู้สึกนิ่มนวลขึ้น ไม่แห้งกร้าน
แก้อาการปวดข้อ ปวดศรีษะ ด้วยการใช้น้ำขิงอุ่นๆ จุ่มผ้า แล้วนำมาประคบตามข้อที่ปวดหรือศรีษะ อาการจะทุเลาลง
ด้านความงาม ใช้ถูหนังศรีษะเพื่อกันผมร่วง
นอกจากนี้ยังคั้นเอาแต่น้ำผสมน้ำมันมะกอก หมักผม แล้วนวดให้ทั่วศรีษะ เอาหมวกพลาสติกคลุมไว้ แล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นทั้งผืนในอุณหภูมิที่อุ่นจัด บิดให้หมาด แล้วคลุมศรีษะไว้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง แล้วจึงล้างออก จะทำให้ผมสวย นิ่ม และแข็งแรง ไม่ขาดง่าย
++ ในญี่ปุ่นพบว่าขิงมีฤทธิ์บำรุงหัวใจ ลดความดันโลหิต ลดคลอเลสเตอรอล ในด้านความงาม ใช้ขิงสดขูดเป็นฝอย แล้วใช้นวดละเลงลงบนต้นขา ก้น หรือส่วนที่เป็นไขมันผิวส้ม หรือมีเซลล์ลูไลท์ ขิงจะช่วยทำให้ผิวส้มนั้นกระจายตัว ไม่เกิดให้เกิดผิวขุรขระ เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเรียบเนียนขึ้น
++ ในอินเดียใช้ขิงในการทาถูนวด เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ใช้ลดการอักเสบของตับ แก้ปวด ลดอาการบวมน้ำ ใช้เป็นยากระตุ้นการอยากอาหาร เป็นยาช่วยย่อย ช่วยขับลมในลำไส้ นอกจากนี้ยังช่วยทำความสะอาดปากและคอ ช่วยระงับการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยกระตุ้นกำหนัด ใช้ขิงผงแห้งละลายน้ำอุ่น ทาที่หน้าผากรักษาอาการปวดหัว
++ กรีกจะใช้ขิงช่วยย่อยอาหาร และช่วยแก้พิษ ใช้ขิงในการรักษาอัมพาต โรคปวดปลายประสาท และโรคเก๊าท์ ชาวอาหรับโบราณใช้ในการกระตุ้นความกำหนัด ส่วนคนยุโรบใช้ขิงในการช่วยย่อย ช่วยรักษาอาการท้องอืดจากการดื่มเหล้า ช่วยขับลม ทั้งยังใช้ในการรักษาโรคเก๊าท์ และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
อ้างอิงขอ้มูลจาก
http://variety.teenee.com/science/10739.html
อาจจะยาวกันนะ เอาความรู้มาฝากจ้า --------------------------
ต่อที่ขมิ้นชัน อันนี้ฮอตสุดๆ ทุกคนน่าจะเคยได้ยินสรรพคุณมากมาย
อย่างไรก้อดี ขอนำมาฝากอีกครั้งคะ อ้างอิงขอ้มูลจาก OKNATION
ขมิ้นชันมีประโยชน์ และสรรพคุณ หลายประการดังนี้
ขมิ้นชันมีวิตามิน เอ,ซี,อี ทั้ง 3 ตัว วิตามินที่เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานได้ ต้องมีพร้อมกันทั้ง 3 ตัว ซึ่งจะมีผลทำให้
- ช่วยลดไขมันในตับ
- สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร
- ช่วยย่อยอาหาร
- ทำความสะอาดให้ลำไส้
- เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ
- ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ
- สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง
- กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่กินเข้าไปแล้วสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง
- ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอดบุตรได้ดี รองมาจากการกินหัวปลี
ถ้ากินขมิ้นชันสดๆ
ต้องปอกเปลือกออกให้หมดก่อน เพราะที่เปลือกมีสารพิษอยู่ แต่ถ้าทำขมิ้นชันบดเป็นผงต้องนำขมิ้นชันมาต้มน้ำให้เดือดสักพักหนึ่ง แล้วตักออกนำมาผึ่งให้เย็นหั่นเป็นแว่นเล็กๆ ตากแดดจนแห้ง อาจจะตากหลายครั้ง แล้วถึงจะนำมาบดให้เป็นผง ถ้าใช้เครื่องอบให้ขมิ้นชันแห้ง ความร้อนควรไม่เกิน 65 องศา ถ้าความร้อนเกินอาจเกิดสารสเตรอยด์ได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=dolores&month=20-06-2010&group=7&gblog=18
http://paesaowaluck.blogspot.jp/2011/11/blog-post_625.html
โรครูมาตอยด์มีสมุนไพรบางชนิดที่ช่วยยับยั้งไม่ให้อาการกำเริบได้คือ
ขิง และขมิ้นชัน แต่ ต้องทานในประมาณที่สูงมาก
1.ขิง และขมิ้นชัน แค็ปซูล ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไป เพื่อได้รับสารต้านการอักเสบ แม้ในปริมาณน้อยนิด แต่สมุนไพร 2ชนิดที่กล่าวมา เป็นอาหารของไทยมานาน ไม่มีพิษ และอาการข้างเคียงครับ ขนาดที่รับประทาน ก็ 500มก.
วันละ3-4ครั้ง หลังอาหาร
2.GLUCOSAMINE SULFATE วัตถุประสงเพื่อรักษาอาการข้อเสื่อม ซึ่งส่วนมากเป็นสาเหตุร่วมกับการเป็นโรครูมาตอยด์ เนื่องจากข้อเสื่อม ไม่อยู่ในสภาพที่ใช้การได้ดี ทำให้การส่งสัญญาณของร่างกาย เกิดโรคภูมิต้านทานตนเอง เกิดการหนาขึ้นของเซลล์ กล้ามเนื้อรอบข้อ ไม้ให้ถูกใช้งาน
ขนาดรับประทาน 1500มก.ต่อวัน ติดต่อกันนาน 4-6 เดือนค่ะ
3.สมุนไพรต้านอนุมูลอิสระ เพื่อลดสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด
รูมาตอยด์ ซึ่ังอาจเป็น หญ้าปักกิ่ง ขมิ้นชัน มะขามป้อม etc
4.ยา แผนปัจจุบันที่ลดอาการปวดของโรครูมาตอยด์ เลือกชนิดที่ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหารก็ได้ค่ะ เช่น nimisulide,meloxicam,cerecoxib ยากลุ่มนี้ให้ทานเฉพาะเวลาที่มีอาการปวดขึ้นมาเท่านั้นค่ะ
5.ยาสตรี แผนโบราณ อาจเลือกที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด เพื่อปรับสมดุลทางธรรมชาติ เกี่ยวกับฮอร์โมนของผู้หญิงให้กลับมาดีเหมือนเดิม เพราะปัญหาส่วนหนึ่งมาจากเรื่องฮอร์โมน เพราะโรคนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายมาก
ในการเลือกรับประทานสมุนไพรควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวและเภสัชกรที่เชี่ยวชาญนะคะเพราะจะเป็นผลดีต่อโรคและตัวผู้ป่วยเองค่ะ
เจาะลึกเรื่องขิงๆ
สรรพคุณ ช่วยดับกลิ่นคาวในอาหาร ใช้ลดอาการคลื่นไส้อาเจียน เพราะในเหง้าขิงแก่ มีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งประกอบด้วย GINGEROL และ SHOGAOL แก้อาการท้องอืดเฟ้อ ขับลม ลดอาการไอ และระคายคอ จากการมีเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับเหงื่อ ขับน้ำนม แก้อาการเมารถเมาเรือ แก้บิด บำรุงธาตุ ช่วยในด้านการไหลเวียนของโลหิต ช่วยลดความดัน ช่วยลดคลอเลสเตอ รอล ช่วยลดการอักเสบ ช่วยแก้ปวด ผู้ป่วยหลังผ่าตัดที่มักมีอาการเมายาสลบให้จิบน้ำขิงเข้มข้นสักครึ่งช้อนชา จะช่วยแก้อาการเมายาได้:
แพทย์จีนโบราณจะใช้ประโยชน์จากขิงสดและขิงแห้ง ในแง่มุมที่ต่างกัน
ขิงแห้ง ในภาวะที่ขาดหยาง ภาวะขาดหยาง คือ ภาวะที่ร่างกายอาการเย็น หนาวง่ายทนต่อความเย็นได้น้อย การย่อยอาหารไม่ดี เป็นต้น ทั้งยังมีการใช้ขิงแก่ ในคนไข้ปวดข้อรูมาติกส์ม
ขิงสด จะใช้กำจัดพิษที่เกิดจากการติดเชื้อภายในร่างกาย โดยการขับพิษออกมาทางเหงื่อ ขิงสดช่วยทำให้ร่างกาย ปรับสภาพในภาวะที่ร่างกาย มีอาการเย็นได้เช่นเดียวกับขิงแห้ง
ลดการคลื่นไส้อาเจียน โดยใช้ขิงสด 30 กรัม ( 3 ขีด) สับให้ระเอียดต้มทานน้ำในขณะท้องว่าง
ช่วยขับเสมหะ โดยใช้ขิงสดคั้นเอาแต่น้ำ ประมาณครึ่งถ้วยผสมน้ำผึ้ง 30 กรัม ( 6 ช้อน) อุ่นให้ร้อนก่อนรับประทาน
แก้หวัดหน้าหนาว โดยการใช้ขิงสดทุบหรือขูดให้เป็นฝอย หรือขิงแห้งก็ได้ ใส่ในกะละมังน้ำอุ่น เติมน้ำผึ้งลงไปด้วยเล็กน้อย แช่เท้า กลิ่นของขิงที่หอมกลุ่นจะกระตุ้นให้จมูกโล่ง ศรีษะโล่ง ร่างกายสามารถต่อสู้กับหวัดได้ และผิวหนังที่แช่เท้าอยู่ก็จะรู้สึกนิ่มนวลขึ้น ไม่แห้งกร้าน
แก้อาการปวดข้อ ปวดศรีษะ ด้วยการใช้น้ำขิงอุ่นๆ จุ่มผ้า แล้วนำมาประคบตามข้อที่ปวดหรือศรีษะ อาการจะทุเลาลง
ด้านความงาม ใช้ถูหนังศรีษะเพื่อกันผมร่วง
นอกจากนี้ยังคั้นเอาแต่น้ำผสมน้ำมันมะกอก หมักผม แล้วนวดให้ทั่วศรีษะ เอาหมวกพลาสติกคลุมไว้ แล้วใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นทั้งผืนในอุณหภูมิที่อุ่นจัด บิดให้หมาด แล้วคลุมศรีษะไว้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง แล้วจึงล้างออก จะทำให้ผมสวย นิ่ม และแข็งแรง ไม่ขาดง่าย
++ ในญี่ปุ่นพบว่าขิงมีฤทธิ์บำรุงหัวใจ ลดความดันโลหิต ลดคลอเลสเตอรอล ในด้านความงาม ใช้ขิงสดขูดเป็นฝอย แล้วใช้นวดละเลงลงบนต้นขา ก้น หรือส่วนที่เป็นไขมันผิวส้ม หรือมีเซลล์ลูไลท์ ขิงจะช่วยทำให้ผิวส้มนั้นกระจายตัว ไม่เกิดให้เกิดผิวขุรขระ เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเรียบเนียนขึ้น
++ ในอินเดียใช้ขิงในการทาถูนวด เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ใช้ลดการอักเสบของตับ แก้ปวด ลดอาการบวมน้ำ ใช้เป็นยากระตุ้นการอยากอาหาร เป็นยาช่วยย่อย ช่วยขับลมในลำไส้ นอกจากนี้ยังช่วยทำความสะอาดปากและคอ ช่วยระงับการคลื่นไส้อาเจียน ช่วยกระตุ้นกำหนัด ใช้ขิงผงแห้งละลายน้ำอุ่น ทาที่หน้าผากรักษาอาการปวดหัว
++ กรีกจะใช้ขิงช่วยย่อยอาหาร และช่วยแก้พิษ ใช้ขิงในการรักษาอัมพาต โรคปวดปลายประสาท และโรคเก๊าท์ ชาวอาหรับโบราณใช้ในการกระตุ้นความกำหนัด ส่วนคนยุโรบใช้ขิงในการช่วยย่อย ช่วยรักษาอาการท้องอืดจากการดื่มเหล้า ช่วยขับลม ทั้งยังใช้ในการรักษาโรคเก๊าท์ และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
อ้างอิงขอ้มูลจาก
http://variety.teenee.com/science/10739.html
อาจจะยาวกันนะ เอาความรู้มาฝากจ้า --------------------------
ต่อที่ขมิ้นชัน อันนี้ฮอตสุดๆ ทุกคนน่าจะเคยได้ยินสรรพคุณมากมาย
อย่างไรก้อดี ขอนำมาฝากอีกครั้งคะ อ้างอิงขอ้มูลจาก OKNATION
ขมิ้นชันมีประโยชน์ และสรรพคุณ หลายประการดังนี้
ขมิ้นชันมีวิตามิน เอ,ซี,อี ทั้ง 3 ตัว วิตามินที่เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำงานได้ ต้องมีพร้อมกันทั้ง 3 ตัว ซึ่งจะมีผลทำให้
- ช่วยลดไขมันในตับ
- สมานแผลภายในกระเพาะอาหาร
- ช่วยย่อยอาหาร
- ทำความสะอาดให้ลำไส้
- เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ
- ต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็งในตับ
- สร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิวหนัง
- กำจัดเชื้อราที่ปนเปื้อนในอาหารที่กินเข้าไปแล้วสะสมในร่างกายเตรียมก่อตัวเป็นเซลล์มะเร็ง
- ช่วยขับน้ำนมสำหรับสตรีหลังคลอดบุตรได้ดี รองมาจากการกินหัวปลี
ถ้ากินขมิ้นชันสดๆ
ต้องปอกเปลือกออกให้หมดก่อน เพราะที่เปลือกมีสารพิษอยู่ แต่ถ้าทำขมิ้นชันบดเป็นผงต้องนำขมิ้นชันมาต้มน้ำให้เดือดสักพักหนึ่ง แล้วตักออกนำมาผึ่งให้เย็นหั่นเป็นแว่นเล็กๆ ตากแดดจนแห้ง อาจจะตากหลายครั้ง แล้วถึงจะนำมาบดให้เป็นผง ถ้าใช้เครื่องอบให้ขมิ้นชันแห้ง ความร้อนควรไม่เกิน 65 องศา ถ้าความร้อนเกินอาจเกิดสารสเตรอยด์ได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=dolores&month=20-06-2010&group=7&gblog=18
http://paesaowaluck.blogspot.jp/2011/11/blog-post_625.html